ความไม่แน่นอน..ของวันพรุ่งนี้

ความไม่แน่นอน..ของวันพรุ่งนี้

เราไม่มีวันรู้ได้เลยว่า

จะมีพรุ่งนี้

ให้เรากลับมาแก้ไข

สิ่งที่ทำในวันนี้หรือไม่

สิ่งที่ดีที่สุด....สำหรับโจทย์ชีวิตข้อนี้

คือ ทำวันนี้...ให้ดีที่สุด

เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง

ชีวิตคือความไม่แน่นอน

ลองถามตัวเองวันนี้ว่า

หากไม่มีวันพรุ่งนี้

สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้

มันใช่แล้วหรือยัง

มีอะไรอีกไหม

ที่เราคิดฝันอยากทำ

แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ

รีบเถอะ

หากวันนี้เรายังมีโอกาส

ได้เป็นผู้เลือก

ทำในสิ่งที่เราฝัน อยากทำ

เพราะวันหนึ่ง

เราอาจไม่มีสิทธินั้น

ที่จะได้ย้อนกลับมา

ทำในสิ่งที่เราอยากทำอีกเลย

เหตุเพราะ...เราอาจไม่มีวันพรุ่งนี้....

Yadmeka

The owner of Super goal blog.

20/07/2016

ข้อดีของการลงมือทำ

ข้อดีของการลงมือทำ

เป็นความจริงที่ว่า ไม่มีความสำเร็จได้สำเร็จได้โดยปราศจากการลงมือทำ  ไม่ว่าเราจะมีความรู้หรือแผนการดีมากขนาดไหน หากปราศจากการลงมือทำ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย วันนี้ super goal ขอนำเสนอข้อดีของการลงมือทำไว้ดังนี้

หนึ่ง เป็นการเปลี่ยนแผนการสู่การปฏิบัติ
การเปลี่ยนผ่านจากแผนการสู่การกระทำได้ดีที่สุดคือ การลงมือทำ  หลังจากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ควรที่จะเริ่มลงมือทำทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อมทุกอย่าง learning by doing ยังใช้ได้เสมอ 

สอง ทำให้เรามองเห็นจุดบกพร่องของแผนการ
หลังจากเราได้เริ่มต้นและลงมือทำแล้ว  เราจะเริ่มมองเห็นจุดบกพร่องของแผนการ และนี้จะช่วยให้เราเองสามารถตระหนักถึงจุดบกพร่องและวางแผนแก้ไขได้ทันเวลา

สาม แก้ไขและปรับเปลี่ยนแผนการได้ทันเวลา
การวางแผนโดยปราศจากการลงมือทำ จะไม่ทางที่จะช่วยให้เราทราบถึง ข้อดีและข้อเสียและแผนการนั้นๆ จริงๆ ได้เลย สิ่งที่จะช่วยให้เราบริหารจัดการได้ดีที่สุดคือ เราต้องลงมือทำก่อน ทันทีที่ลงมือทำ เราจะมองปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น และลงมือแก้ไข จุดบกพร่องได้ทันเวลาแน่นอน

สี่ ทราบผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น
ข้อสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการลงมือทำคือ ทำให้เราทราบผลลัพธ์ของแผนการ ว่าสิ่งที่เราคิดและวางแผนนั้น มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร ถ้าแผนที่ว่านั้นมันใช้ เราก็ดำเนินการต่อได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้ามันไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง เราก็ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงแผนการ

ห้า ตอบคำถามตัวเองได้
เชื่อว่า ก่อนที่เราจะเริ่มต้นแผนการใดๆ เรายอมมีทั้งความมั่นใจ ลังเล สงสัย หรือ ไม่มั่นใจ ทันนี้ที่เราได้เริ่มและลงมือทำอย่า่งจริงจัง เราก็จะได้รับคำตอบเสมอ

ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือสักกี่พันเล่ม หรือ เข้าคอร์สอบรมสัมมนามากมายขนาดไหน แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเลย ไม่มีทางที่เราจะสำเร็จได้ สิ่งสำคัญคือ เราควรที่จะนำข้อดีและข้อปฏิบัติที่เราศึกษามาอย่างดีแล้วมาปฏิบัติ เชื่อว่าสักวัน เราต้องสำเร็จได้อย่างแน่นอน

Yadmeka
Owner of super goal blog
14/07/2016

วิธีสร้างแรงบันดาลใจ

วันนี้เห็นหลายคนคุยกันถึงแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้เรามีพลังในการก้าวเดินไปสู้เป้าหมาย หลายคนมีคำถามว่า อะไรคือสาเหตุที่คนๆ หนึ่งลุกขึ้นมาทำอะไรมากมาย และสามารถประสบความสำเร็จในหลายๆ สิ่งที่เขาทำ เขามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ วันนี้ทีมงาน super goal ขอนำเสนอ วิธีสร้างแรงบันดาลใจที่เราสามารถสร้างได้ครับ

หนึ่ง ศึกษาประวัติของบุคคลที่สำเร็จในสาขาอาชีพเดียวกันกับเป้าหมายของเรา การได้อ่าน ได้ทราบเรื่องการสร้างตนของผู้สำเร็จ จะช่วยทำให้ใจเราพองโต และมีแรงบันดาลใจในการสร้างเป้าหมาย

สอง ทำเพื่อคนที่เรารัก
การได้ทำเพื่อคนที่เรารัก คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือการทำเพื่อตนเอง นึกถึงคนที่เรารักและทำเพื่อเขาเหล่านั้น จะช่วยให้เรามีพลังในการสร้างเป้าหมายให้สำเร็จมากขึ้น

สาม มีเป้าหมายชัดเจน
การมองเห็นภาพความสำเร็จที่ชัดเจน คือพลังขับเคลื่อนที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจในการก้าวเดินสู้เป้าหมาย ระบุเป้าหมายของเราเองให้ชัดเจนให้มากที่สุด จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะเผชิญกับปัญหา

สี่  สังเกตุวิถีชีวิตนักสู้
ลองออกจากห้อง และสังเกตุชีวิตพ่อค้า แม่ค้า คนทำมาค้าขาย คนงาน ทุกคนต่างก็เหนื่อยไม่แพ้เราเลย  จะได้เตือนตนเองได้ว่า ไม่ใช่เราคนเดียวหรอกที่กำลังเผชิญปัญหา หรือกำลังลำบาก ยังมีเพื่อนร่วมทางอีกมากที่ก้าวเดินบนทางนักสู้ ที่มีเป้าหมายเป็นแรงผลักดันเช่นเรา

คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง มีแรงบันดาลใจที่ดี คืออาวุธที่สำคัญที่ช่วยให้เราก้าวไปสู้ความสำเร็จได้ ในวันที่เราท้อ หรือไม่มีแรงบันดาลใจ ลองทำดูนะครับ 

Yadmeka
Owner of Super goal blog 
11/07/2016

วิธีจัดการกับความเครียด

วิธีจัดการกับความเครียด

วันนี้ทีมงาน super goal ขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เมื่อเรารู้สึกเครียด ลองทำดูนะครับว่าเรารู้สึกดีขึ้นไหม 

หนึ่ง พักผ่อน ทำสิ่งที่ชอบ
อย่างแรกเลยที่ super goal ขอแนะนำคือ การพักผ่อน เวลาที่เรารู้สึกเคลียดง่าย นั่นแสดงให้เห็นว่า ร่างกายและจิตใจเราขาดการพักผ่อน ดังนั้นสึกที่เราสามารถทำไ้ด้ทันทีคือ พักผ่อน ทำสิ่งที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง ให้เวลากับตัวเองสักพัก

สอง มีปัญหาเล่าสู่กันฟัง
หาโอกาสไปเจอเพื่อนสนิท เล่าเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญให้เพื่อนฟัง การได้เล่าให้คนที่เราไว้ใจฟัง จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ 

สาม บริหารเวลา
อีกหนึ่งสาเหตุของความเครียดเกิดจากการจัดสรรเวลา เราต้องทบทวนการใช้เวลาของเราใหม่ว่าเราพักผ่อนเพียงพอไหม ทำงานได้เสร็จทันเวลาหรือป่าว ได้ให้เวลากับคนที่เรารักเพียงพอไหม ลองทบทวนว่าเราได้จัดสรรเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้ได้เพียงพอไหม

สี่ รักษาสุขภาพกายและจิตให้แข็งแรง
สุขภาพกายที่แข็งแรง และจิตใจที่เข้มแข็งจะเป็นเกาะป้องกันความเครียดได้ดีที่สุด ด้วยเหตุที่เราต้องทำงาน ต้องพบปะกับผู้คน ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา เราหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เกิดความเครียดไม่ได้ แต่การออกกำลังกายและฝึกจิตใจให้เข้มแข็งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันเราจากความเครียดได้อย่างดี

ห้า ตัดสินใจอย่างฉลาด
บางทีความเครียด เกิดจากการที่เราต้องกำลังใช้ความคิดและตัดสินใจอะไรสักอย่า่ง เราจะต้องไม่ปล่อยให้ตนเองอยู่ในสภาวะนี้นานเกินไป ทุกอย่างต้องมีตอนจบ และเราจะต้องกล้าตัดสินใจอย่างฉลาดภายใต้ข้อมูลที่เรามี 

หก จัดการสิ่งที่จัดการได้ก่อน
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เราก็เริ่มทำในสิ่งที่เราทำได้ก่อน จัดการไปทีละเรื่อง แล้วความเครียดที่เรามีจะเริ่มเบาบางลง และหายไปในที่สุด

นี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งขอวิธีการจัดการกับความเครียดที่เราสามารถปฏิบัติได้ ลองนำไปใช้ดูนะครับ

Yadmeka
Owner of super goal blog &
Page super gaol
22/06/2016

วิธีวัดความเป็นผู้ใหญ่

วิธีวัดความเป็นผู้ใหญ่

วันนี้ Super goal ขอนำเสนอวิธีที่จะช่วยเช็คว่า เรามีความเป็นผู้ใหญ่มากน้อยขนาดไหน มีหลายคนที่มีอายุมาก แต่ใช่ว่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่สูง แต่ในทางกลับกัน คนที่มีอายุยังน้อย แต่มีความเป็นผู้ใหญ่สูง มาดูกันครับว่า มีอะไรบ้าง

หนึ่ง เราเต็มใจยอมรับความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่ลูกน้องเราเป็นผู้ทำขึ้นหรือเปล่า?

สอง เราแบ่งความดีความชอบให้กับเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือเราบ้างหรือเปล่า?

สาม เราเคยอดทนฟังคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเราหรือเปล่า?

สี่ เราเคยนำข้อสมมติฐานอย่างน้อยสักหนึ่งเรื่องที่เราเห็นด้วยอยู่เสมอ ๆ มาตรวจสอบใหม่บ้างไหม?

ห้า เราสามารถยอมรับสิ่งสะท้อนเกี่ยวกับตัวเราในทางไม่ดีหรือไม่?

หก เรารู้สึกหงุดหงิดกับคนร่วมงานน้อยลงและเห็นว่า ทำงานกับพวกเขาง่ายขึ้นบ้างไหม?

เจ็ด เราเคยยืนกรานขัดแย้งอย่างน่าเกลียดในสิ่งที่เราเชื่อมั่นหรือไม่?

แปด เราเคยทดลองความคิดใหม่ ๆ อย่างน้อยสักเรื่องหนึ่งหรือไม่?

เก้า เรายินดีรับฟังคำแนะนำและคำอธิบายจากลูกน้อยหรือไม่?

สิบ เรามีความรู้สึกมั่นใจที่จะรับมือกับปัญหาของเราหรือไม่?

ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าเรามีสิ่งเหล่านี้มากน้อยขนาดไหน มันคือสิ่งที่จะประเมินความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเราได้ ความเป็นผู้ใหญ่นี้จะช่วยให้เราเป็นที่น่าเคารพ เชื่อถือของลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน และสิ่งนี้เองจะสนับสนุนให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องบริหารจัดการลูกน้อง

ขอบคุณหนังสือ รู้เขารู้เรา  บันไดสู่การเป็นนักบริหารที่รู้จักใช้คนอย่างมีคุณค่า

Yadmeka
Owner of super goal blog & page: super goal
21/0/2016

วิธีง่ายๆในการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

วิธีง่ายๆในการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ในแต่ละวัน คนเราต่างพบเจอกับเรื่องราวมากมายที่ทำให้เรา หมดกำลังใจ วันนี้ ทีมงาน super goal ขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการให้กำลังใจตัวเองในวันที่เรารู้สึกเหนื่อยและหมดกำลังใจ

หนึ่ง บอกกับตัวเองดัง ๆ ว่า เรายังมีหวัง 
การบอกตัวเองแบบนี้ จะทำให้เรารู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจในการเริ่มต้นใหม่ ในวันที่เราเหนื่อยและสิ้นหวัง คนแรกที่ควรให้กำลังใจเรา คือ ตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องรอความหวังและกำลังใจจากใคร เราต้องสร้างเอง บอกตัวเอง ว่าเรา เริ่มใหม่ได้ แก้ไขได้ 

สอง คุยกับเพื่อนสนิท

เพื่อนสนิท คือ กำลังใจที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่ง เพียงเราแชทหรือโทรไปคุยกับเพื่อน เล่าให้เหตุการณ์ให้ฟัง แม้ไม่ได้ทางออกของปัญหา แต่มันก็ช่วยให้เรารู้สึกดี 

สาม มองโลกในแง่ดี
คำๆ นี้ ยังมีประโยชน์เสมอ มองให้เห็นข้อดีในเหตุการณ์ที่เลวร้าย จะช่วยให้เรา ยิ้มได้ และมีกำลังใจ เราต้องเชื่อว่า ทุกเหตุการณ์ร้าย ๆ ย่อมมีข้อดีเสมอๆ และหามันให้เจอ 

สี่ มองหาข้อดีในตัวเอง
ให้กำลังใจตังเอง และระลึกเสมอว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราทำได้ดี เราอาจพูดไม่เก่ง แต่เรามีความละเอียดในการทำงานเอกสาร เพียงเรามองหาข้อดีของเราให้เจอ แล้วเราจะรู้ว่า เรายังทำอะไรได้ดีอีกมาก วันนี้ที่เราทำสิ่งนี้ได้ยังไม่ดีพอ เราสามารถนำทักษะเหล่านี้ที่เรามีมาเติมเต็ม ช่วยพัฒนาให้เราเก่งขึ้นได้

ห้า หากิจกรรมดีๆ ทำ
ในวันที่เราหมดกำลังใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับความท้อแท้หรือ เสียใจ เราต้องก้าวออกไปหาอะไรดีๆ ทำ จะช่วยให้เรารู้สึกดีเร็วขึ้น และลืมเรื่องราวแย่ๆ และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น

Super goal ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทุกข์และหมดกำลังใจ ได้ลุกขึ้นและทำตามความฝันของตนเอง เปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นแรงผลัก นำเราสู้เป้าหมาย



Yadmeka
Owner of super goal blog & page: super goal
20/06/2016

สิ่งที่คนมีเป้าหมายจะไม่ทำ

สิ่งที่คนมีเป้าหมาย "จะไม่ทำ"

วันนี้ ทีมงาน super goal ขอนำเสนอ สิ่งที่คนที่มีเป้าหมายจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด เพราะเขารู้ว่า สิ่งเหล่านี้จะนำเขาไปสู่ความล้มเหลวในเป้าหมาย ถ้าเรามีเป้าหมายและต้องการเป็นผู้สำเร็จ เราจะต้องระวังและไม่ทำสิ่งเหล่านี้

หนึ่ง ลังเลในเป้าหมาย

เป้าหมายต้องชัดเจน และต้องไม่มีความลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อได้ตัดสินใจ เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเป้าหมายแล้ว  วางแผนและลงมือทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ผิด ถูก ค่อยประเมินผลตามกรอบเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ใช่ ค่อยปรับแผนกันใหม่อีกครั้ง แต่ต้องไม่ลังเล เชื่อมั่น และทำให้เต็มที่

สอง ล้มเลิก

คนที่มีเป้าหมาย จะไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ แม้วางแผนอย่างดีแล้ว แต่ก็ใช่ว่า จะไม่เจอกับความผิดพลาด หรืออุปสรรค ระหว่างทางสู่เป้าหมาย หากเขาเจออุปสรรค เขาจะไม่ยอมแพ้ และเรียนรู้จากความผิดพลาด นำความผิดพลาดมาพัฒนาตนเอง 

สาม ปล่อยเวลาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์

ผู้ต้องการความสำเร็จ เขาจะรู้จักค่าของเวลา ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับพวกเขาเท่ากับเวลา เขาจะวางแผนใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ใช้เวลาทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายให้สำเร็จในแต่ละวัน  

สี่ ลงมือทำโดยไม่มีแผน

การลงมือทำโดยปราศจากแผนการที่ดี จะทำให้เสียเวลา เสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นแล้ว ก่อนที่เราจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ต้องวางแผนให้รัดกุม และใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุด แล้วเราจะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ห้า เอาสิ่งที่คนอื่นตัดสินเรามาเป็นสาระ หรือ วัดค่าตัวเองจากคำพูดของคนอื่น 

ข้อนี้มิตรสหายของ super goal คนหนึ่งแนะนำมา และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อคนที่ต้องการความสำเร็จ เรามีเป้าหมายแล้ว เราต้องชัดเจนในเป้าหมาย ไม่เก็บเอาความคิดหรือคำพูดที่ไม่มีสาระมาใส่ใจ เราผู้ต้องการความสำเร็จ ยินดีรับฟังคำแนะนำที่สร้างสรรค์ แต่สิ่งใดที่ทำให้เราหนักใจ หรือไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือกำลังใจอะไร เราไม่ควรเก็บสิ่งเหล่านี้มาใส่ใจ ควรเชื่อและหนักแน่นในสิ่งที่ทำ และทำมันให้เต็มกำลังความสามารถ ความฝันต้องเป็นของเราในสักวัน

หยาดเมฆา

19/07/2016

วิธีรับมือกับความผิดพลาด

วิธีรับมือกับความผิดพลาด

สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ ความผิดพลาด เราทำงาน ทำธุรกิจหรือลงทุกอะไรก็ตาม ความผิดพลาดคือมิตรผู้ร่วมทางสู่ความสำเร็จที่เราจะขาดไม่ได้เลย เมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้น เราควรวางตัวอย่างไรบ้าง วันนี้ super goal ขอนำไอเดียในการเผชิญกับความผิดพลาดมาฝากครับ

หนึ่ง ยอมรับความจริง

เมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุด้วยอะไร จะตั้งใจหรือไม่ อย่างแรกที่ต้องทำคือ ยอมรับความจริงก่อน ว่า มันมีปัญหาเกิดขึ้น จากนั้นเราค่อยเริ่มต้นแก้ไข

สอง คุยกับทีมงาน
การได้พูดคุย ปรึกษากับเพื่อนร่วมทีม เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือคนที่จะเข้าใจเราที่สุด ในสถานการณ์นั้นๆ เหตุเพราะเราคือทีมเดียวกัน อาจเริ่มจากเล่าเหตุการณ์โดยละเอียดให้ฟังแล้ว ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกของปัญหา ทำให้เราก้าวผ่านความผิดพลาดนั้นไปได้

สาม คุยกับคนที่เรารักและไว้ใจ
เป็นธรรมดาเมื่อเรากำลังเผชิญหน้ากับความผิดพลาด สิ่งที่เเกิดขึ้นกับสภาพจิตใจของเราในขณะนั้นคือ ความไม่สบายใจ การได้คุย ได้ระบายกับคนที่เรารักและไว้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น อาจไม่ได้คุยถึงทางออกของปัญหา แต่มันจะช่วยให้เราจะสบายใจและมีกำลังใจในการเผชิญหน้ากับปัญหา

สี่ หากิจกรรมทำ
การอยู่เฉยๆ ในขณะที่เราอยู่ในช่วงที่เผชิญกับปัญหา มันไม่ค่อยส่งผลดีกับเราเท่าไร เพราะธรรมชาติของจิตใจในช่วงนั้นจะคิดมาก ยิ่งอยู่เฉยๆ ยิ่งทำให้คิดมาก ฉะนั้นแล้ว การก้าวออกไปนอกบ้านและหากิจกรรมอะไรทำ คุยกับเพื่อนบ้าน ออกกำลังกาย จะช่วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาลุยกับปัญหาต่อ

ห้า ระบุปัญหาออกมาให้ชัดเจนและเขียนออกมาเป็นข้อๆ ตลอดทั้งสาเหตุของปัญหา เพื่อที่เราจะได้แก้ไขได้ถูกจุด และไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีกในเรื่องเดิม  จะช่วยให้เราเรียนรู้จากปัญหาได้ดียิ่งขึ้น เพราะเราจะเห็นชัดถึงสาเหตุและจะได้หาทางป้องกันได้ในอนาคต

ในเมื่อปัญหาหรือความผิดพลาดมันคือธรรมดาของการทำงานหรือทำธุรกิจ ความกังวลหรือกลัวปัญหาหรือความผิดพลาดไม่ได้ช่วยอะไรให้เราไปสู่ความสำเร็จได้เลย เราสามารถใช้ ความผิดพลาดหรือปัญหาเหล่านี้ เป็นเหมือนหนึ่งกลยุทธที่จะนำพาเราก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

หยาดเมฆา
19/07/2016

ความเปลี่ยนแปลง

ความเปลี่ยนแปลง

แต่ละคนมีเตหุผลในการมีชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

บางคน อยู่เพื่อสร้างเป้าหมาย

บางคน อยู่เพื่อสนองตอบความต้องการในชีวิต

บางคน อยู่เพื่ออุทิศตนเพื่อคนอื่น

บางคน อยู่เพื่อค้นหาตัวตน

ไม่ว่าเราจะอยู่บนโลกนี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

ชีวิตเราย้อมก้าวไปสู้...ความเปลี่ยนแปลง

บนเส้นทางที่เราก้าวเดิน

เราต้องเจอกับความทุกยากลำบาก

ความเหนื่อยล้า  ความทุกใจ

จงอย่าท้อเลย

ไม่ใช่เราคนเดียวบนโลกหรอก

ที่กำลัง..เผชิญกับความเปลี่ยนแปลง

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ

 ความเปลี่ยนแปลงทางสังขารร่างกาย

วันหนึ่ง เราอาจเจ็บปวดทรมานในสังขาร

ขอให้ระลึกเสมอว่า มันคือ ธรรมดา

ไม่ช้าหรือเร็ว เราต้องเจอในสักวัน

ระลึกรู้ให้เท่าทัน..การเปลี่ยนแปลงนั้นๆ

และอยู่กับมัน...ไปจนกว่าเราจะสิ้นลมหายใจ

และทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างค่าให้กับชีวิตต่อไป

หยาดเมฆา

18/06/2016

ยิ้มไว้เถอะ

ยิ้มไว้เถอะ
ในวันที่เรา...เจอกับมรสุม
ยิ้มให้กับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง
ผ่านคือวันอันโหดร้ายนั้นไปให้ได้

ยิ้มไว้เถอะ
เราผู้สร้างฝัน
แม้วันนี้ จะอ่อนไหวและเหนื่อยล้า
นั่งลงพัก...แล้วก้าวเดินต่อไป

ยิ้มไว้เถอะ
ในวันที่เราหลงทาง
และกำลังตามหาความฝันและเป้าหมาย
หยุดพักสักนิดให้หายเหนื่อย
แล้วออกล่าตามหามันอีกสักครั้ง
สักวันเราต้องเจอ

ยิ้มไว้เถอะ
หากวันนี้...สิ่งที่ทำอยู่
ยังไม่เป็นดังหวัง
หยุดตั้งหลักสักพัก
แล้ววางแผน ลุยอีกครั้ง
ความหวัง..มันต้องเป็นจริงในสักวัน


Keep going your goal,
หยาดเมฆา
07/06/2016

จุดเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการ

จุดเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการ

หนึ่ง ประเมินทักษะตัวเองเมื่อหาจุดอ่อนที่ต้องเติมเต็ม
เริ่มต้นจากการสำรวจตัวเองก่อนว่า เรายังมีจุดอ่อนตรงไหน แล้วหามาเติมเต็ม จะลงทุนพัฒนาตัวเองด้านนั้น หรือ หาหุ้นส่วนที่มีความถนัดด้านนั้นๆ มาร่วมงาน

สอง หาที่ปรึกษา
หาผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรามาเป็นที่ปรึกษา จำเป็นมากตอนเริ่มต้นธุรกิจ เพราะถึงแม้เราจะวางแผนไว้อย่างดีแล้ว แต่ด้วยความที่เรายังใหม่ ยังต้องมีผู้มีประสบการณ์ค่อยให้คำนแนะนำ

สาม ฝึกทักษะการฟัง
การฟัง คือทักษะทางการสื่อสารที่จำเป็นอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ เราต้องฝึกฟังและเจ็บประเด็นให้ได้ว่า จริงๆ แล้ว คนที่เราดิวด้วย เขาต้องการสื่อสารอะไร

สี่ สร้างนิสัยที่ดี
ฝึกสร้างนิสัยที่ดีในการทำงาน เริ่มจากการวางแผน ลีสรายการงานที่ต้องทำ การสรุปงาน ฝึกทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัย แล้วจะเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจของเรา

ห้า หาทรัพยากรที่ถูกต้อง
จัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็น ในการทำธุรกิจภายใต้งบประมาณที่วางแผนไว้แล้ว 

หยาดเมฆา
07/06/2016

เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้


หลายคนคงเคยได้อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง บทความพัฒนาตนเอง ฟังไฟล์เสียงการพัฒนาตนเอง หรือ ค้นคว้าข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาบ้างแล้ว วันนี้ขอนำเสนอ เทคนิควิธีการฝึกพัฒนานิสัยตนเอง แบบธรรมดาๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้เลย

หนึ่ง มองออกไปรอบๆ ตัวเรา แล้วฝึกสังเกตบุคคลที่เราพบเจอที่บ้าน ที่ทำงาน ในห้าง บนรถบัส รถไฟฟ้า หรือบนถนน ให้สังเกตพฤติกรรมของบุคคลเหล่านั้นแล้ว เรียนรู้

สอง หมั่นสังเกต การพูด การเดิน ของบุคคลเหล่านั้น และค่อยดูต่อไปว่าผู้อื่นปฏิบัติต่อเขาเหล่านั้นอย่างไร (reaction)

สาม หมั่นสังเกตวิธีการใช้ น้ำเสียง ของบุคคลเหล่านั้น และผลที่เกิดจากการใช้น้ำเสียงในแต่ละอย่าง คนที่ชอบพูดเสียงดัง ชอบตะโกน หรือคนที่พูดนุ่มนวล และหมั่นสังเกตต่ออีกว่า อะไรที่มักทำให้คนเหล่านั้นโกรธ และอะไรที่ทำให้คนเรา ยิ้มได้ ผ่อนคลาย 

สี่ ถ้าเราไม่ชอบในสิ่งที่พบเจอ ให้วิเคราะห์ว่า ทำไม ถึงไม่ชอบ และประเมินพฤติกรรมของตนเองอย่าง ตรงไปตรงมา เพื่อปรับปรุง

ห้า เมื่อค้นพบแล้วว่า เรามีพฤติกรรมอะไรที่ไม่ดีบ้าง ให้ระมัดระวัง และระลึกรู้ตลอดว่า พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วลงมือแก้ไขทันที

หก ให้ตั้งโปรแกรมไว้เลยว่า เราต้องการพฤติกรรมแบบไหน ระบุออกมาเป็นข้อๆ แล้ว ทำสิ่งเหล่านั้นซ้ำ ๆ หลายๆ ครั้ง และทุกวัน

เจ็ด เมื่อเราเจอบุคคลที่มีพฤติกรรมในแบบที่เราชอบ ให้เรายึดเอาเป็นแบบอย่าง และฝึกทำตาม ซ้ำ ๆ หลายๆ ครั้ง และทุกวัน

แปด สรุปกับตัวเองอีกครั้ง ว่า มันใช่แบบที่เราต้องการหรือไม่  ถ้าคำตอบคือใช่ แม้จะมีพฤติกรรมเก่าเกิดขึ้นมาบ้าง ให้เตือนตัวเอง แล้วพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทันที

เก้า อย่าผิดหวัดหรือรู้สึกแย่ เพียงเพราะมันสำเร็จช้าไปบ้าง เพราะมันไม่สำคัญว่าเราจะล้มเหลวกี่ครั้ง ขอเพียงเรา มีความพยายามและไม่ล้มเลิก เราจะพบว่า ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแน่นอน

หมายเหตุ บทความนี้เป็นแค่ไอเดียเล็ก ๆที่ใช้พัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง เพื่อเป็นเราในแบบที่เราอยากเป็น ภายใต้แนวคิดที่ว่า คนเราพัฒนาได้ อาจมีวิธีการอีกมากมายที่ผู้รู้ได้เขียนและแนะนำไว้ ขอให้เราลงมือเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างตั้งใจ เพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการทำธุรกิจ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังพัฒนาตนเองครับ 

หยาดเมฆา
06/06/2016

ุ6 วิธีสร้างความสมดุลให้ชีวิต

6 วิธีสร้างความสมดุลให้ชีวิต

หนึ่ง สร้างบทบาทในการทำงาน
งานเป็นแค่บทบาทหนึ่งในชีวิต เราสามารถสร้างบทบาทที่เหมาะสมในการทำงาน ไม่ทุ่มเทกับงานจนลืมดูแลสุขภาพหรือครอบครัว หรือเมื่อปัญหาเกิดขึ้น ให้คิดว่า เรากำลังแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับงาน แต่ชีวิตด้านอื่นเราปกติ ไม่เอาทั้งชีวิตมาจมอยู่กับงาน สร้างบทบาทให้สมดุลกันระหว่าง หน้าที่ สุขภาพ ครอบครัว สังคม

สอง สร้างปฏิทินสำหรับงานกับครอบครัว
จัดวางกำหนดการที่จัดเจนเพื่องานกับครอบครัว เวลาไหน ควรจะทุ่มเทกับงานให้เติมที่ เวลาไหนควรดูแลคนที่รัก และจัดวางกำหนดการทั้งสองด้าน งานกับครอบครัวให้สมดุลกันที่สุด

สามสร้างและปฏิบัติตามกิจวัตรประจำวัน
สร้างกิจวัตรประจำวันให้เหมาะสมระหว่างงานกับครอบครัว สังคม และปฏิบัติตามให้เป็นนิสัย  เราจะได้ไม่ละทิ้งหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งที่เราควรใส่ใจ

สี่จัดสรรเวลาให้ตัวเอง
แบ่งเวลาให้กับตัวเอง ได้อยู่กับตัวเองบ้าง เพราะการอยู่กับตัวเอง คือโอกาสในการทบทวนตัวเอง และมีเวลาในการพัฒนาตนเอง เพื่อจะได้ ทำหน้าที่ได้ ดียิ่งขึ้น

ห้า อยู่กับปัจจุบัน
ไม่เอาความกังวลของอดีตและอนาคตมาทำให้ชีวิตปัจจุบันเราเสีย ควรอยู่กับปัจจุบันและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

หก ทำตน เสมอต้น เสมอปลาย
บทบาทในหน้าที่การงานที่เราสร้างขึ้น ปฏิทินที่เราจัดสรรเวลาให้ครอบครัวและงาน และให้ตัวเองนี้เอง จะทำให้เรา เป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย ทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นนิสัย และปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของชีวิต เพื่อความสมดุลระหว่างชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัวและสังคม


หยาดเมฆา
05/06/2016

จังหวะชีวิต

จังหวะชีวิต

เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
เพื่อ รับโอกาสดีๆ ในชีวิต
เพราะบางครั้ง
เมื่อโอกาสมาถึง
แต่เรา ไม่พร้อมที่จะรับ
ก็จะทำให้คาดสิ่งดีๆ ไป
เช่น จังหวะ ที่หุ้นตกมากๆ
เราเรียนรู้มาแล้วว่า
มันคือโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ
แต่เรา มัวแต่ลังเล และยังไม่ได้เปิดพอร์ต
โอกาสที่จะได้ซึ้อหุ้นราคาถูกก็หมดไป
เหตุเพราะเรายังไม่พร้อมรับโอกาส

หรือ ตำแหน่งดีๆ ในบริษัทว่างลง
และกำลังพิจารณาบุคคลเข้ารับตำแหน่ง
แต่...พลาด เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

หรือเจอบ้านราคาถูก ทำเลดี 
เพื่อปล่อยเช่าได้ แต่ไม่มีเงินเก็บเลย
ก็พลาดโอกาสในการเข้าซื้อ

บุคคลเหล่านี้ ไม่ใช่ ไม่มีโอกาส
แต่โอกาสมาถึงแล้ว แต่ไม่พร้อมรับโอกาส

โอกาสจะเป็นของเราหาก
เรา ศึกษาหุ้นไปด้วย เปิดพอร์ต เก็บเงินสดไว้ด้วย 
เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อหุ้น จะได้หุ้นดี ราคาถูก

ในขณะทำงานบริษัท ทักษะไหนที่จำเป็นต่อ
ความเจริญในหน้าที่การงาน เราต้องเริ่มฝึกไว้ตั้งแต่วันนี้
เพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสที่จะมาถึง
พร้อมทั้งเก็บออมเพื่อการลงทุนไว้
ทันทีที่โอกาสมาถึง....เราจะได้เริ่มทันที
และไม่พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิต
เสมือนการขับรถบนท้องถนน
ที่เราต้องมองกระจก เพื่อหาจังหวะในการ
แซง หรือเปลี่ยนเลน
ชีวิตเราก็เช่นกัน........

หยาดเมฆา
04/06/2016

ธุรกิจครอบครัว

ธุรกิจครอบครัว

ลูกสาวรับออเดอร์
ลูกชาย ทำกับข้าว
พ่อ ค่อยดูแลความเรียบร้อย
ทุกคนเหนื่อย แต่มีรอยยิ้ม
ที่มีลูกค้าเข้าร้าน
ทุกคน มีหน้าที่ของตัวเอง
เราไม่รู้หรอกว่า เขาได้กำไรเป็นยอดเงินเท่าไร
แต่ภาพที่เห็น
ทุกคนดู มีความสุขที่ได้ทำ
ทุกคนไม่ต้อง หากไกลกัน
ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
ได้ยิ้ม หัวเราะ และเหนื่อยไปพร้อมๆ กัน
นี้คงเป็นกำไร ที่คุ้มค่าแล้ว
หลายครอบครัว ต้องห่างไกลกัน
เหตุเพราะ หน้าที่การงาน
คงฝัน อย่างกลับ ไปอยู่
พร้อมหน้า พร้อมตากันอีกครั้ง
และสร้างฝัน ไปด้วยกัน

หยาดเมฆา
01/06/2016

ทางสู่จุดหมาย

ทางสู่จุดหมาย

ต้องมีสักช่วงหนึ่งของระยะทางสู้เป้าหมาย
ที่เราจะรู้สึก ท้อ
รู้สึกว่า เป้าหมาย มันอยู่ไกลเกินเอื้อมถึง
ไม่แปลก...หลายคนก็รู้สึกเช่นนี้ ในวันที่ เราเริ่มต้นสู้ เป้าหมาย
ในวันที่เรารู้สึกเช่นนี้
ให้เรานึกถึงชีวิตที่เราเคยผ่าน
ในวันที่เรา ฝึกเดิน
ในวันที่เรา ฝึกขี่จักรยาน
ในวันแรกที่เราเข้าโรงเรียน
ในวันที่เรา ฝึกขับรถ 
สิ่งเหล่านี้...ตอนเริ่ม เราก็รู้สึกว่ามันยาก
แต่เรา ก็ผ่านมันมาได้
และวันนี้...เรารู้สึกว่า สิ่งเหล่านั้น มันธรรมดามากๆ

อย่าหยุดที่จะก้าว
ก้าวต่อไป..ตามแผนที่เราวางไว้
ศึกษาและเรียนรู้มันให้เต็มร้อย
ลงมือทำด้วยความใส่ใจ
สักวัน..เป้าหมายต้องเป็นของเรา
..ผู้ชนะ...

หยาดเมฆา
01/06/2016

ชีวิตวัยรุ่นที่ควรเป็น

ชีวิตวัยรุ่นที่ควรเป็น
จากมุมมองของคนอายุสามสิบ

หนึ่ง ควรเรียนไปตามหน้าที่และเรียนให้จบ อย่าเน้นที่เกรดดีๆ อย่างเดียว แต่จงเน้นกิจกรรมพัฒนาตนเอง

สอง จงสนุกและเต็มที่กับกิจกรรมทุกๆ อย่าง ฝึกร้องเพลง เต้น และเล่นกีฬา

สาม สร้างมิตรแท้ ช่วงเรียนเป็นช่วงที่สร้างมิตรแท้ได้ดีที่สุด อย่าโกรธ หรือมีอคติกับใครเลย เพราะเรามีเวลาอยู่ร่วมกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วจำต้องแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง

สี่ มีงานหรือกิจกรรมอะไรที่ไม่ผิดศีลธรรมและกฏหมาย ให้เข้าร่วมและฝึกทำให้เยอะที่สุด ชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช้ ค่อยว่ากันทีหลัง เพราะเราอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง การลงมือทำด้วยตังเอง คือการค้นหาคำตอบได้ดีที่สุด

ห้า อย่าเสียเวลากับยาเสพติดทุกชนิด มันไม่ใช่ไม่ดีแค่เพียงต่อร่างกาย แค่มันยังส่งผลกระทบต่อสังคมและคนที่เรารัก

หก กินเที่ยวได้บ้างเพื่อสร้างทักษะชีวิต แต่ต้องรู้ตัวว่าเราทำอะไร และควรแบ่งเวลาศึกษาวิชาเลี้ยงชีพ

เจ็ด รักและดูแลสุขภาพ อย่าคิดแค่ว่า เราแข็งแรง ดูแลสุขภาพให้เป็นนิสัย กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

แปด ค้นหาเป้าหมายในขีวิต และเริ่มก้าวแรกซะตอนนี้เลย

หยาดเมฆา
30/05/2016

แนวคิดที่จะนำเราก้าวไปสู่ความสำเร็จ

แนวคิดที่จะนำเราก้าวไปสู่ความสำเร็จ

หนึ่ง อายุเป็นเพียงแค่ "ตัวเลข"
อย่าเอาอายุมาเป็นข้อจำกัดหรือข้ออ้างในการพัฒนาตนเอง เราต้องพร้อมเริ่มต้นเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ วางตนให้เป็นเสมือนเด็กน้อยที่กระหายในการเรียนรู้  คนที่มีลักษณะแบบนี้จะปรับตัวได้ในทุกๆ การเปลี่ยนแปลง

สอง ลงทุนในตัวเอง
การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนในตัวเอง ลงทุนเวลาในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หรือลงทุนในการเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อหน้าที่การงานและธุรกิจ

สาม หลีกเลี่ยงความกังวลที่ไม่มีประโยชน์
ความกังวลไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในการพัฒนาชีวิตของเรา แต่เป็นสิ่งที่คนส่วนมากเป็นกัน กังวลเรื่องงาน เก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาคิด จนทำให้รู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไร อารมณ์เหล่านี้จะส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานและธุรกิจ  สิ่งที่เราควรทำคือ เปลี่ยนความกังวลเหล่านี้เป็นความใส่ใจ คิดและเขียนออกมาเป็นข้อๆ และดำเนินการแก้ไขไปทีละข้อ จะเกิดประโยชน์มากกว่า

สี่ ยืดหยุ่น และปล่อยวาง
เมื่อเราพยายาม และวางแผนอย่างดีแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จตามเป้าหมาย สิ่งที่เราควรทำเป็นอันดับแรกคือ ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย ก่อนเริ่มต้นศึกษาใหม่และวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จและเรียนรู้จากมัน

ห้า ตั้งเป้าหมายให้ท้าทาย
เป้าหมายที่ท้าทายจะกระตุ้นให้เรามีแรงผลักในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ความรู้สึกท้าทายจะช่วยให้เรามีไอเดียและแนวคิดใหม่ๆ ในการทำงานและธุรกิจ

หก มีความอดทน
ต้องไม่ล้มเลิกเป้าหมายง่ายๆ  พยายามทำตามแผนที่วางไว้ให้ดีที่สุด ปรับปรุง พัฒนา แก้ไข ให้ถึงที่สุด ถ้าจำเป็นต้องยกเลิกทำอะไรสักอย่าง ให้มันเป็นเพราะเหตุผลทางธุรกิจและการตลาด ไม่ใช่เหตุเพียงแค่เรายอมแพ้

เจ็ด เชื่อมั่นในตัวเอง
และที่สุดแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่า เราเรียนรู้และประสบความสำเร็จได้ ความเชื่อนี้จะผลักให้เราทำงานและธุรกิจด้วยความมั่นใจ และก้าวไปสู้ความสำเร็จได้

หยาดเมฆา
29/05/2016

5 นาทีพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น

5 นาทีพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น

หนึ่ง เริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ด้วย Why
การเริ่มต้นด้วยคำถามนี้ จะช่วยให้เราเป็นคนมีเหตุ มีผลมากขึ้น อาจเริ่มต้นจากการถามตัวเองเวลาเราต้องการซื้ออะไร ต้องการทำอะไร คำถามลักษณะนี้จะช่วยเตือนตัวเราเองทุกครั้งก่อนซื้อ หรือตัดสินใจทำอะไร จะสามารถป้องกันความผิดพลาดในชีวิตของเราได้ในระดับหนึ่ง

สอง ยกระดับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายขึ้นทุกวัน
เพราะเราต้องอายุมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นในแต่ละวันเราสามารถวางแผนที่จะทำอะไรดีๆ เพิ่มขึ้น  เพื่อสุขภาพและร่างกายของเรา เช่น วันนี้จะเลือกทานอะไรที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายเพิ่มอีกกี่นาที

สาม สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน
สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนที่เราพบเจอหรือติดต่องานด้วยในแต่ละวัน ด้วยการยิ้ม ไหว้ ทักทาย หรือช่วยเหลือในสิ่งที่เราช่วยได้ ให้ในสิ่งที่เราให้ได้และไม่เดือดร้อน

สี่ ลงมือทำตามเป้าหมาย
ทำสิ่งที่จะนำเราไปสู้เป้าหมายทุกวัน วันละเล็กละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ เสมือนเราได้เข้าใกล้เป้าหมายเข้าทุกวัน จะทำให้เรามีกำลังใจ และมีความหวังในการใช้ชีวิต

"ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำทุกวัน และความล้มเหลวก็เช่นกัน"


หยาดเมฆา
28/05/2016

รู้แล้ว ทำไมไม่ประสบความสำเร็จ

รู้แล้ว...

ทำไม...ไม่ประสบความสำเร็จ

หนึ่ง สิ่งที่รู้ ไม่ถูกต้อง

ความรู้ที่เราได้รับ ไม่ถูกต้อง อันนี้อันตราย เราจะต้องศึกษาจากผู้รู้จริง และมีประสบการณ์ด้านนั้นโดยตรง สงสัย ถาม วิธีนี้เป็นวิธีเรียนลัดได้เร็วที่สุด

สอง สิ่งที่รู้ ยังไม่เพียงพอ

เรายังไม่รู้จริงในสิ่งที่กำลังศึกษา แก้ได้โดยศึกษาเพิ่มเติม ปรึกษาผู้รู้ที่รู้จริงและมีประสบการณ์ด้านนั้นโดยตรงปลอดภัยสุด

สาม ได้แต่รู้ แต่ไม่ลงมือทำ

อันนี้มีเยอะมาก เข้าคอร์สอบรม สัมมนา อ่านหนังสือพัฒนาตัวเองมากมาย แต่ยังเหมือนเดิม เหตุผลเดียวเลยคือ ไม่ได้ลงมือทำ หรือ ลงมือทำ แต่ไม่อดทนต่ออุปสรรค ยอมแพ้ง่าย 

สิ่งสำคัญเราต้องรู้ตัวเองก่อน ว่าเราอยู่ในระดับไหน เราสนใจศึกษาสิ่งที่เราสนใจมากเพียงพอหรือยัง ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างก่อนเริ่ม เราสามารถศึกษาและลงมือปฏิบัติไปพร้อมๆ กันได้ 

หยาดเมฆา

26/05/2016

ห้านาทีเปลี่ยนชีวิต

ห้านาทีเปลี่ยนชีวิต

วางแผนทำสิ่งที่ตนรักทุกวัน
ในแต่ละวัน เราควรที่จะวางแผนเวลาให้เราได้ทำในสิ่งที่ตนรัก อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงต่อวัน ทำมันทุกวัน ฝึกมันทุกวัน ไม่แน่ สิ่งนี้อาจพัฒนาไปเป็นธุรกิจของในอนาคต และสร้างรายได้ให้เราได้ หรือแม้มันจะไม่ได้พัฒนาไปเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ แต่มันก็ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายในแต่ละวัน

นั่งลงเขียนลีสรายการที่ต้องทำ แต่ละวัน
ใช้เวลาห้านาทีของแต่ละวันลีสรายการสิ่งที่เราต้องทำ สิ่งนี้จะช่วยให้เราบริหารเวลาได้ดีขึ้น และไม่ลืมสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำในแต่ละวัน 

จัดกลุ่มงานที่ทำพร้อมกันได้... เข้าด้วยกัน
สิ่งไหนที่เราทำพร้อมกันได้บ้าง จัดกลุ่มเข้าด้วยกัน หรือ งานไหน เดินทางไปทางเดียวกันบ้าง เราก็ใช้เวลาวางแผนนิจหนึ่ง จะทำให้เราทำเสร็จลุล่วงเร็วขึ้น 

กำหนด Deadline ของแต่ละงาน
งานทุกอย่างต้องมีกำหนดของมัน ถ้าไม่มีกำหนดที่ชัดเจน อาจทำให้เราทำงานเสร็จล่าช้าไป 

เช็คกิจกรรมที่เราทำแต่ละวันว่ามันคือบันไดสู่เป้าหมายของเราหรือไม่
ลองพิจารณาสิ่งที่เราทำทุกวันว่า สิ่งที่ทำเราทำในวันนี้ มันคือเส้นทางสู้เป้าหมายของเราหรือไม่ หากไม่ใช่ เราต้องวางแผนใหม่  สิ่งไหนที่ไม่ใช่ทางสู่เป้าหมาย เราต้องตัดออก

หยาดเมฆา
25/05/2016

อัจฉริยะสร้างได้

อัจฉริยะสร้างได้

หลายคนเคยได้ยินคำนี้ และมักจะบ่นว่า ทำไมเราไม่เป็นอัจฉริยะเหมือนเขานะ เชื่อไหมว่า คำๆ นี้เราสร้างได้ด้วยตัวเราเองด้วยไอเดียธรรมดาๆ เหล่านี้

หนึ่ง เชื่อก่อนว่า เราพัฒนาได้ เราเก่งได้ 
ความเชื่อ จะทำให้เราปลดล๊อกตัวเองให้มีพลังในการลงมือทำอย่างไม่มีขีดจำกัด

สอง จินตนาการถึงสิ่งที่เราอยากเป็น อย่างเก่ง
การฝึกมองเป้าหมายให้เห็นภาพชัดเจน จะเป็นตัวกระตุ้นให้เรามีกำลังใจที่ดีในการพัฒนาตัวเอง จากจิตสำนึกตัวนี้เอง จะพัฒนาตัวเราเองได้ทั้งตอนหลับและตื่น

สาม ฝึกและลงมือทำสิ่งนัันๆ ทุกวัน
ฝึกและลงมือทำทุกวัน เรียนรู้ถูก - ผิดด้วยตัวเอง สักวันเราจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ แน่นอน

สี่ ดึกศักยภาพในตัวเราออกมาใช้ให้มากที่สุด
ระลึกเสมอว่า เราทำได้มากกว่านี้ เราฝึกได้ และ ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ แล้วนั้นละ คือ อัจฉริยะภาพที่เราสร้างได้

ขอให้เชื่อมั่นว่า เราจะต้องเก่งหรือเป็นอัจฉริยะในด้านนั้นๆ ได้ แน่นอน เหมือนที่  
โทมัส อัลวา เอดิสัน ได้พูดไว้ว่า

การเป็นอัจฉริยะ ประกอบด้วยแรบบันดาลใจ 1 %
และหยาดเหงื่ออีก 99 %


หยาดเมฆา
25/05/2016

หัวใจบริการ

หัวใจบริการ


เราเคยรู้สึกดีๆ มาก และอยากไปใช้บริการกิจการได้ กิจการหนึ่ง เพราะคำๆ นี้ไหมครับ เชื่อว่าหลายคนเคย วันนี้ขอนำเสนอเทคนิคการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าด้วยหัวใจบริการ

หนึ่ง ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม
รู้สึกดีทุกครั้งเวลาเราเข้าไปใช้บริการอะไร ที่ไหน แล้วพนักงานทักทายเราด้วยมิตรภาพ ด้วยรอยยิ้ม แค่นี้เราก็ รู้สึกดีและอยากไปใช้บริการที่นั้นๆ ช้ำอีก

สอง พูดจาสุภาพ
พูดจาและแนะนำด้วยความสุภาพ เป็นกันเอง

สาม ชื่อสัตย์และจริงใจ
เราต้องชื่อสัตย์และจริงใจต่อลูกค้า ให้บริการลูกค้าตามคิว

สี่ ช่วยเหลือในสิ่งที่ช่วยได้
กระตุ้นให้พนักงานทุกฝ่าย ช่วยเหลือลูกค้าในสิ่งที่ช่วยได้ ยกตัวอย่างที่ผมเห็นชัดพนักงาน Supermarket แห่งหนึ่งถือร่มมาเดินมาส่งลูกค้าที่มาซื้อของที่รถ บริการช่วยยกของใส่รถในขณะฝนตก แค่นี้ ก้ได้ใจลูกค้าไปเติมๆ แล้วครับ

มันเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เรา ไม่ต้องลงทุนเพิ่มอะไร แต่เราจะได้ใจลูกค้า และได้ลูกค้าประจำเพิ่มขึ้น

หยาดเฆา
25/05/2016

ภาพแห่งความสุขและกำลังใจ

ภาพแห่งความสุขและกำลังใจ

เคยไหม ที่เรานึกถึงภาพๆ หนึ่งแล้วยิ้มได้

ภาพนั้น...ใครบ้างคนอาจคิดว่า

มันต้องเป็นภาพที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

แต่เชื่อไหม...สำหรับใครบ้างคน มันเป็นแค่ภาพ

หรือความทรงจำที่แสนธรรมดาๆ

ภาพที่เรานั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว

ภาพที่เราได้วิ่งเล่นตามทุ่งหญ้า

ภาพที่เราได้นั่งคุยหัวเราะกับเพื่อนๆ

ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า

ความสุขนั้น...เกิดจากเรื่องราวที่แสนธรรมดาเหล่านี้แหละ

เรื่องธรรมดา..ที่สร้างพลังใจอันยิ่งใหญ่

หยาดเมฆา

23/05/2016